มะละกอ
ชื่อเรียกอื่นๆของมะละกอ มะก๊วยเต๊ด (ภาคเหนือ-เชียงใหม่) ลอกอ(ภาคใต้) แตงต้น(สตูล) หมักหุ่งหรือบักหุ่ง (นครพนม เลย อิสาน) กล้วยลา (ยะลา)ลักษณะไม้เนื้ออ่อน ไม่ชอบขึ้นในที่ลุ่ม ถ้า หากแช่น้ำนาน 1-2 วัน รากจะเน่าและต้นจะตาย รากแก้วรากแขนงสั้น จึงไม่สามารถยึดดินได้ ต้นมะละกอ ล้มง่าย ต้นไม่สูงชะลูด สูงได้ 3-5 เมตร ลำ นกลวง มีน้ำยางสีขาวทุกส่วน
เป็นใบเดี่ยว ขนา่ดใหญู่ รวมกันออกที่ปลายยอดเป็นกระจุก รูปฝ่ามือ ใบเรียง สลับรอบลำต้น ก้านใบยาวกลมกลวง สีของก้านใบเขียวอ่อน แผ่นใบสีเขียว
มีทั้งดอกสมบูรณ์เพศ ดอก เพศผู้และดอก เพศเมียในต้นเดียวกัน (มะละกอนมยานจะมีช่อดอกเพศผู้ ก้านช่อดอกยาวมาก
ผลมะละกอ:
มีขนาดใหญ่ ผลรูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส เนื้อในสีส้มหรือสีเหลืองนิ่ม เมล็ดเป็นสีดำ รสหวาน ใช้รากสดหรือแห้งต้มน้ำดื่มแก้ขัดเบา 
ส่วนที่ใช้ : ผลมะละกอสุก ผลมะละกอดิบ น้ำยางจากผลหรือจากส่วนของก้านใบ หรือจากราก
สรรพคุณ มะละกอ สรรพคุณของมะละกอมีมากมายนัก ใช้เป็นยาสมุนไพรไทยรักษาโรคได้
1. แก้อาการขัดเบา ใช้รากสด (1 กำมือ) 70-90 กรัม รากแห้ง 25-35 กรัม หั่นต้มกับน้ำ กรองดื่มเฉพาะน้ำ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา(75 มิลลิลิตร) ดื่มก่อนอาหาร
2. เป็นยาระบายอ่อนๆ การกินเนื้อมะละกอสุก ช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะไปช่วยเพิ่มจำนวนกากไยอาหาร ดังนั้นเนื้อผลสุกมะละกอจะช่วยระบายอ่อนๆ แก้ท้องผูก
ผลสุก - เป็นมีสรรพคุณป้องกัน หรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย
ยางจากผลดิบ - เป็นยาช่วยย่อยโปรตีน ฆ่าพยาธิได้
รากมะละกอ - ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
ใช้เป็นยาระบาย :ใช้ผลสุกไม่จำกัดจำนวน รับประทานเป็นผลไม้
เป็นยาช่วยย่อย:
1. ใช้เนื้อมะละกอดิบไม่จำกัด ประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกง เป้นผักจิ้ม
2. ยางจากผลดิบ หรือจากก้านใบ ใช้ 10-15 กรัม หรือถ้าเป็นตัวยาช่วยย่อย เพราะในยางมะละกอมีสารที่เรียกว่า Papain
เป็นยากัน หรือแก้โรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน: ใช้มะละกอสุกรับประทานเป็นผลไม้ ให้วิตามินซีสูง
เท้าบวม: เอาใบมะละกอสดตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกเท้าที่บวมลดอาการบวมลงได้
แก้เคล็ดขัดยอก: ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก
โดนหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน: ให้บ่งปากแผลเปิดออก เอายางมะละกอดิบใส่หนามจะหลุดออก
คันเพราะพิษของหอยคัน: ให้ใช้ยางมะละกอดิบทาเช้า-เย็นจนหาย
เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง: รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนแล้วประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ
ถ้าโดนตะปูตำเป็นแผล: ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง แผลน้ำร้อนลวก ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ตำพอกที่แผล แผลพุพอง ใช้ใบมะละกอแห้งกรอบบดเป็นผง ผสมกับน้ำกะทิพอเหนียวข้น ใช้พอกหรือทาที่แผลวันละ 2-3 ครั้ง
แก้ผดผืนคัน: ใช้ใบมะละกอ 1 ใบ น้ำมะนาว 2 ผล เกลือ 1 ช้อนชา ตำรวมกันให้ละเอียดเอาทั้งน้ำและเนื้อทาแผลบ่อยๆ กลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุตหรือเท้าเปือย ใช้ยางของลูกมะละกอดิบทาวันละ 3 ครั้งฆ่าเชื้อราได้
สารเคมีที่พบในมะละกอ :ในผลมะละกอ ประกอบด้วย โปรตีน 0.5 % คาร์โบไฮเดรต 9.5 % แคลเซี่ยม 0.01 % ฟอสฟอรัส 0.01 % เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม/100 กรัม
ในส่วนของเนื้อมะละกอ จะมี sucrose, invert sugar papain, malic acid และเกลือของ Tartaric acid, citric acid และ pectin จำนวนมาก (มีทั้งในผลดิบด้วย) และ pigment พวก carotenoid และวิตามินต่างๆ
ยางมะละกอ มี enzyme ชื่อ papain ซึ่ง papain เป็นชื่อรวมสำหรับเรียกเอนไซม์จากน้ำยางมะละกอ ซึ่งประกอบด้วย papain 10% chymopapain 45% lysozyme 20%
ประโยชน์ มะละกอมะละกอนอกจากจะนำมาประกอบอาหารแล้วยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย เช่น ใช้ถ่ายพยาธิ ใช้เม็ดมะละกอแห้งคั่วบดเป็นผง ละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดลูกมะเขือพวง รับประทานเช้าเย็นครั้งละ 2-3 เม็ด หรือใช้ยางมะละกอสด 1 ช้อนแกง ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมกันแล้วทอดให้สุก รับประทานตอนท้องว่างในเวลาเช้า ลูกอัณฑะโต ใช้ลูกมะละกอดิบเผาไฟให้ร้อนจัด ห่อด้วยผ้าหนาๆ ใช้นาบคลึงบนหน้าท้องบริเวณหัวหน่าว เมือความร้อนของมะละกอลดลงให้ผ่าครึ่งตามความยาวเอาเมล็ดออก แล้วใช้ประกบที่ลูกอัณฑะจนมะละกอเย็น ทำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วันจะหาย
เลิกบุหรี่ ใช้ใบมะละกอแก่ๆ หั่นเป็นฝอยมากน้อยตามต้องการ นำไปตากแห้ง แล้วใช้ผสมยาเส้นมวนเป็นบุหรี่สูบ จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ ปวดประสาท ใช้ใบมะละกอสดย่างไฟหรือจุ่มน้ำร้อนใช้ประคบบริเวณที่ปวด ขับประจำเดือน ใช้เมล็ดแก่ๆ คั่วให้กรอบแล้วบดเป็นผง 2 ช้อนชาผสมกับเหล้าขาว 3 ช้อนโต๊ะ รับประทานเช้า-เที่ยง-เย็น ช่วยขับเลือดประจำเดือนเสียและอาการปวดท้องจะหายไป
ลบรอยด่างดำต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาบนผิวหนังและใบหน้า ใช้มะละกอสดตำพอกบ่อยๆ หรือน้ำคั้นจากมะละกอสุกใช้ทาลบรอยฝ้าแดด ฝ้าลมให้จางหาย หรือใช้ยางจากลูกมะละกอสดทาเป็นประจำวันละ 2-3 ครั้งจนหาย แก้หูด ให้สะกิดหัวหูดให้เปิดแล้วเอายางมะละกอทาวันละ 2-3 ครั้งจนหาย ลบรอยส้นเท้าแตก ใช้ยางจากลูกสดทาจนหาย ถ้าเป็นสิวก็ใช้ยางแต้มที่หัวสิว
หรือรับประทานมะละกอสุกเป็นประจำ แก้อาการท้องผูกและช่วยในการระบาย ซึ่งสาวๆ ที่ลดความอ้วนมักนิยมทาน และเมือทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณให้สวย บ้างก็ใช้เนื้อที่สุกพอกหน้าเพือลดจุดด่างดำและผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มะละกอสุกมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ เช่น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีวิตามินเอบำรุงสายตา มีธาตุเหล็กบำรุงเลือด มีแคลเซียมบำรุงกระดูก มีสารเพ็กตินที่เคลือบกระเพาะอาหาร ปัจจุบันมีการสกัดสารสำคัญจากมะละกอสุกไปใช้ทำเครืองสำอางและส่วนผสมในเครือ งสำอางต่างๆ มากมาย ล้างลำไส้ ขจัดไขมันในผนังลำไส้ ให้ทำชามะละกอดืมเป็นประจำ โดยเอามะละกอดิบปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นๆ ต้มจนน้ำเดือด อาจปรุงแต่งรสด้วยใบเตยหรือเก๊กฮวยตามชอบ แล้วกรองเอาแต่น้ำไปชงกับใบชา แช่ไม่เกิน 3 นาที กรองเอาน้ำเก็บไว้ดืม และควรงดอาหารประเภทผัดทอดหรือของมัน จะช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
ไข้เปลี่ยนฤดู ใช้ใบมะละกอสด 1 กำมือ ตำพอแหลกผสมเหล้าขาว 3 ช้อนแกง คั้นเอาน้ำรับประทาน อาการไข้ขึ้นสูง ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ใช้พอกที่ศีรษะเวลาไข้ขึ้นสูง ดืมน้ำต้มมะละกอตาม ช่วยให้ไข้ลดลงได้ดี ถ้าเป็นไข้หวัดก็ต้องส้มตำมะละกอเพิ่มความเผ็ดอีกหน่อย ไล่หวัดได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ดอกมะละกอสดหรือแห้งต้มใส่น้ำตาลพอหวาน กรองเอาน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว เป็นหืดระยะเริ่มแรก ใช้ใบมะละกอต้มน้ำดืม อาการหืดจะหายไป
ร้อนใน ใช้รากมะละกอ 1 คืบ ต้มกับน้ำซาวข้าวรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ ถ้าเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก เสียดท้อง เบาหวาน รับประทานมะละกอสุกจนนิ่มหลังอาหารเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนืองจะค่อยๆ หายไปเอง นิ่ว ใช้รากมะละกอตัวผู้ 1 กำมือต้มเอาน้ำดืมแทนน้ำชา จะช่วยขับนิ่วออกมา
ไข้เปลี่ยนฤดู ใช้ใบมะละกอสด 1 กำมือ ตำพอแหลกผสมเหล้าขาว 3 ช้อนแกง คั้นเอาน้ำรับประทาน อาการไข้ขึ้นสูง ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ใช้พอกที่ศีรษะเวลาไข้ขึ้นสูง ดืมน้ำต้มมะละกอตาม ช่วยให้ไข้ลดลงได้ดี ถ้าเป็นไข้หวัดก็ต้องส้มตำมะละกอเพิ่มความเผ็ดอีกหน่อย ไล่หวัดได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ดอกมะละกอสดหรือแห้งต้มใส่น้ำตาลพอหวาน กรองเอาน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว เป็นหืดระยะเริ่มแรก ใช้ใบมะละกอต้มน้ำดืม อาการหืดจะหายไป
ร้อนใน ใช้รากมะละกอ 1 คืบ ต้มกับน้ำซาวข้าวรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ ถ้าเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก เสียดท้อง เบาหวาน รับประทานมะละกอสุกจนนิ่มหลังอาหารเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนืองจะค่อยๆ หายไปเอง นิ่ว ใช้รากมะละกอตัวผู้ 1 กำมือต้มเอาน้ำดืมแทนน้ำชา จะช่วยขับนิ่วออกมา
**ข้อควรระวัง :สำหรับผู้ที่รับประทานมะละกอสุกติดต่อกันเป็นจำนวนมาก เป็นเวลานาน อาจทำให้สารมีสีพวก Carotenoid ไปสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวมีสีซีดเหลืองได้ หากรับประทานไม่มากร่างกายสามารถขับออกได้
การปลูกมะละกอ ก่อนปลูกมะละกอต้องเพาะกล้ามะละกอก่อน
การเพาะกล้า
1. ผสมดิน ป๋ยหมักชีวภาพ และแกลบดำกรอกลงใส่ในถุงเพาะ
2. หยอดเมล็ดมะละกอ 3-4 เมล็ด/ถุง
3. รดน้ำให้ชุ่ม รอจนต้นกล้ามะละกอยาวประมาณ 7 นิ้ว จึงนำไปปลูกลงดินได้
4. ควรเพาะกลางแจ้งจะได้ต้นกล้าที่แข็งแรง
การเตรียมหลุมปลูกมะละกอ
1.ขุดหลุมลึกประมาณ 1 ฟุต กว้าง 1 ฟุต รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพ 1 กก./หลุม
2.หลุมควรห่างกัน 2x2 เมตร
3. เพื่อการระบายน้ำสะดวกควรยกร่องแปลง เป็นรูปสามเหลี่ยม
4. ย้ายต้นกล้าไปปลูกลงหลุมได้
5. การปลูกมะละกอ 1 หลุม ปลูกได้ประมาณ 2-3 ต้น เพื่อไว้สำหรับคัดพันธุ์ ปลุกเสร็จให้กลบดินให้แน่น
6. ถ้าปลุกไม่มาก สามารถรดน้ำได้ก็ดี แต่ถ้าปลูกเยอะต้องปลูกช่วงฤดูฝน
7. ควรเติมปุ๋ยหมักชีวภาพ ต้นละ200 กรัมต่อเดือน จะไม่เกิดไวรัส มะละกอแข็งแรง
8. ถ้าดอกมีลักษณะก้านของกลีบดอกยาวคล้ายดอกมะลิจะให้ผลยาว แต่จะกลีบดอกสั้นให้ตัดต้นทิ้งเสียให้เหลือต้นที่กลีบดอกยาว
9. อายุมะละกอ 3 ปี ควรตัดทิ้งแล้วปลูกใหม่ โดยฉีดพ่นน้ำสกัดชีวภาพให้ทั่วบริเวณก่อนปลูกใหม่ เพื่อป้องกันโรคจากไวรัสและเชื้อรา มะละกอ

ส่วนที่ใช้ : ผลมะละกอสุก ผลมะละกอดิบ น้ำยางจากผลหรือจากส่วนของก้านใบ หรือจากราก
สรรพคุณ มะละกอ สรรพคุณของมะละกอมีมากมายนัก ใช้เป็นยาสมุนไพรไทยรักษาโรคได้
1. แก้อาการขัดเบา ใช้รากสด (1 กำมือ) 70-90 กรัม รากแห้ง 25-35 กรัม หั่นต้มกับน้ำ กรองดื่มเฉพาะน้ำ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา(75 มิลลิลิตร) ดื่มก่อนอาหาร
2. เป็นยาระบายอ่อนๆ การกินเนื้อมะละกอสุก ช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะไปช่วยเพิ่มจำนวนกากไยอาหาร ดังนั้นเนื้อผลสุกมะละกอจะช่วยระบายอ่อนๆ แก้ท้องผูก
ผลสุก - เป็นมีสรรพคุณป้องกัน หรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย
ยางจากผลดิบ - เป็นยาช่วยย่อยโปรตีน ฆ่าพยาธิได้
รากมะละกอ - ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
ใช้เป็นยาระบาย :ใช้ผลสุกไม่จำกัดจำนวน รับประทานเป็นผลไม้
เป็นยาช่วยย่อย:
1. ใช้เนื้อมะละกอดิบไม่จำกัด ประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกง เป้นผักจิ้ม
2. ยางจากผลดิบ หรือจากก้านใบ ใช้ 10-15 กรัม หรือถ้าเป็นตัวยาช่วยย่อย เพราะในยางมะละกอมีสารที่เรียกว่า Papain
เป็นยากัน หรือแก้โรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน: ใช้มะละกอสุกรับประทานเป็นผลไม้ ให้วิตามินซีสูง
เท้าบวม: เอาใบมะละกอสดตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกเท้าที่บวมลดอาการบวมลงได้
แก้เคล็ดขัดยอก: ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก
โดนหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน: ให้บ่งปากแผลเปิดออก เอายางมะละกอดิบใส่หนามจะหลุดออก
คันเพราะพิษของหอยคัน: ให้ใช้ยางมะละกอดิบทาเช้า-เย็นจนหาย
เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง: รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนแล้วประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ
ถ้าโดนตะปูตำเป็นแผล: ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง แผลน้ำร้อนลวก ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ตำพอกที่แผล แผลพุพอง ใช้ใบมะละกอแห้งกรอบบดเป็นผง ผสมกับน้ำกะทิพอเหนียวข้น ใช้พอกหรือทาที่แผลวันละ 2-3 ครั้ง
แก้ผดผืนคัน: ใช้ใบมะละกอ 1 ใบ น้ำมะนาว 2 ผล เกลือ 1 ช้อนชา ตำรวมกันให้ละเอียดเอาทั้งน้ำและเนื้อทาแผลบ่อยๆ กลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุตหรือเท้าเปือย ใช้ยางของลูกมะละกอดิบทาวันละ 3 ครั้งฆ่าเชื้อราได้
สารเคมีที่พบในมะละกอ :ในผลมะละกอ ประกอบด้วย โปรตีน 0.5 % คาร์โบไฮเดรต 9.5 % แคลเซี่ยม 0.01 % ฟอสฟอรัส 0.01 % เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม/100 กรัม
ในส่วนของเนื้อมะละกอ จะมี sucrose, invert sugar papain, malic acid และเกลือของ Tartaric acid, citric acid และ pectin จำนวนมาก (มีทั้งในผลดิบด้วย) และ pigment พวก carotenoid และวิตามินต่างๆ
ยางมะละกอ มี enzyme ชื่อ papain ซึ่ง papain เป็นชื่อรวมสำหรับเรียกเอนไซม์จากน้ำยางมะละกอ ซึ่งประกอบด้วย papain 10% chymopapain 45% lysozyme 20%
ประโยชน์ มะละกอมะละกอนอกจากจะนำมาประกอบอาหารแล้วยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย เช่น ใช้ถ่ายพยาธิ ใช้เม็ดมะละกอแห้งคั่วบดเป็นผง ละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดลูกมะเขือพวง รับประทานเช้าเย็นครั้งละ 2-3 เม็ด หรือใช้ยางมะละกอสด 1 ช้อนแกง ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมกันแล้วทอดให้สุก รับประทานตอนท้องว่างในเวลาเช้า ลูกอัณฑะโต ใช้ลูกมะละกอดิบเผาไฟให้ร้อนจัด ห่อด้วยผ้าหนาๆ ใช้นาบคลึงบนหน้าท้องบริเวณหัวหน่าว เมือความร้อนของมะละกอลดลงให้ผ่าครึ่งตามความยาวเอาเมล็ดออก แล้วใช้ประกบที่ลูกอัณฑะจนมะละกอเย็น ทำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วันจะหาย
เลิกบุหรี่ ใช้ใบมะละกอแก่ๆ หั่นเป็นฝอยมากน้อยตามต้องการ นำไปตากแห้ง แล้วใช้ผสมยาเส้นมวนเป็นบุหรี่สูบ จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ ปวดประสาท ใช้ใบมะละกอสดย่างไฟหรือจุ่มน้ำร้อนใช้ประคบบริเวณที่ปวด ขับประจำเดือน ใช้เมล็ดแก่ๆ คั่วให้กรอบแล้วบดเป็นผง 2 ช้อนชาผสมกับเหล้าขาว 3 ช้อนโต๊ะ รับประทานเช้า-เที่ยง-เย็น ช่วยขับเลือดประจำเดือนเสียและอาการปวดท้องจะหายไป
ลบรอยด่างดำต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาบนผิวหนังและใบหน้า ใช้มะละกอสดตำพอกบ่อยๆ หรือน้ำคั้นจากมะละกอสุกใช้ทาลบรอยฝ้าแดด ฝ้าลมให้จางหาย หรือใช้ยางจากลูกมะละกอสดทาเป็นประจำวันละ 2-3 ครั้งจนหาย แก้หูด ให้สะกิดหัวหูดให้เปิดแล้วเอายางมะละกอทาวันละ 2-3 ครั้งจนหาย ลบรอยส้นเท้าแตก ใช้ยางจากลูกสดทาจนหาย ถ้าเป็นสิวก็ใช้ยางแต้มที่หัวสิว
หรือรับประทานมะละกอสุกเป็นประจำ แก้อาการท้องผูกและช่วยในการระบาย ซึ่งสาวๆ ที่ลดความอ้วนมักนิยมทาน และเมือทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณให้สวย บ้างก็ใช้เนื้อที่สุกพอกหน้าเพือลดจุดด่างดำและผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มะละกอสุกมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ เช่น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีวิตามินเอบำรุงสายตา มีธาตุเหล็กบำรุงเลือด มีแคลเซียมบำรุงกระดูก มีสารเพ็กตินที่เคลือบกระเพาะอาหาร ปัจจุบันมีการสกัดสารสำคัญจากมะละกอสุกไปใช้ทำเครืองสำอางและส่วนผสมในเครือ งสำอางต่างๆ มากมาย ล้างลำไส้ ขจัดไขมันในผนังลำไส้ ให้ทำชามะละกอดืมเป็นประจำ โดยเอามะละกอดิบปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นๆ ต้มจนน้ำเดือด อาจปรุงแต่งรสด้วยใบเตยหรือเก๊กฮวยตามชอบ แล้วกรองเอาแต่น้ำไปชงกับใบชา แช่ไม่เกิน 3 นาที กรองเอาน้ำเก็บไว้ดืม และควรงดอาหารประเภทผัดทอดหรือของมัน จะช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
ไข้เปลี่ยนฤดู ใช้ใบมะละกอสด 1 กำมือ ตำพอแหลกผสมเหล้าขาว 3 ช้อนแกง คั้นเอาน้ำรับประทาน อาการไข้ขึ้นสูง ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ใช้พอกที่ศีรษะเวลาไข้ขึ้นสูง ดืมน้ำต้มมะละกอตาม ช่วยให้ไข้ลดลงได้ดี ถ้าเป็นไข้หวัดก็ต้องส้มตำมะละกอเพิ่มความเผ็ดอีกหน่อย ไล่หวัดได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ดอกมะละกอสดหรือแห้งต้มใส่น้ำตาลพอหวาน กรองเอาน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว เป็นหืดระยะเริ่มแรก ใช้ใบมะละกอต้มน้ำดืม อาการหืดจะหายไป
ร้อนใน ใช้รากมะละกอ 1 คืบ ต้มกับน้ำซาวข้าวรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ ถ้าเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก เสียดท้อง เบาหวาน รับประทานมะละกอสุกจนนิ่มหลังอาหารเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนืองจะค่อยๆ หายไปเอง นิ่ว ใช้รากมะละกอตัวผู้ 1 กำมือต้มเอาน้ำดืมแทนน้ำชา จะช่วยขับนิ่วออกมา
ไข้เปลี่ยนฤดู ใช้ใบมะละกอสด 1 กำมือ ตำพอแหลกผสมเหล้าขาว 3 ช้อนแกง คั้นเอาน้ำรับประทาน อาการไข้ขึ้นสูง ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ใช้พอกที่ศีรษะเวลาไข้ขึ้นสูง ดืมน้ำต้มมะละกอตาม ช่วยให้ไข้ลดลงได้ดี ถ้าเป็นไข้หวัดก็ต้องส้มตำมะละกอเพิ่มความเผ็ดอีกหน่อย ไล่หวัดได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ดอกมะละกอสดหรือแห้งต้มใส่น้ำตาลพอหวาน กรองเอาน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว เป็นหืดระยะเริ่มแรก ใช้ใบมะละกอต้มน้ำดืม อาการหืดจะหายไป
ร้อนใน ใช้รากมะละกอ 1 คืบ ต้มกับน้ำซาวข้าวรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ ถ้าเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก เสียดท้อง เบาหวาน รับประทานมะละกอสุกจนนิ่มหลังอาหารเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนืองจะค่อยๆ หายไปเอง นิ่ว ใช้รากมะละกอตัวผู้ 1 กำมือต้มเอาน้ำดืมแทนน้ำชา จะช่วยขับนิ่วออกมา
**ข้อควรระวัง :สำหรับผู้ที่รับประทานมะละกอสุกติดต่อกันเป็นจำนวนมาก เป็นเวลานาน อาจทำให้สารมีสีพวก Carotenoid ไปสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวมีสีซีดเหลืองได้ หากรับประทานไม่มากร่างกายสามารถขับออกได้
การปลูกมะละกอ ก่อนปลูกมะละกอต้องเพาะกล้ามะละกอก่อน
การเพาะกล้า
1. ผสมดิน ป๋ยหมักชีวภาพ และแกลบดำกรอกลงใส่ในถุงเพาะ
2. หยอดเมล็ดมะละกอ 3-4 เมล็ด/ถุง
3. รดน้ำให้ชุ่ม รอจนต้นกล้ามะละกอยาวประมาณ 7 นิ้ว จึงนำไปปลูกลงดินได้
4. ควรเพาะกลางแจ้งจะได้ต้นกล้าที่แข็งแรง
การเตรียมหลุมปลูกมะละกอ
1.ขุดหลุมลึกประมาณ 1 ฟุต กว้าง 1 ฟุต รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพ 1 กก./หลุม
2.หลุมควรห่างกัน 2x2 เมตร
3. เพื่อการระบายน้ำสะดวกควรยกร่องแปลง เป็นรูปสามเหลี่ยม
4. ย้ายต้นกล้าไปปลูกลงหลุมได้
5. การปลูกมะละกอ 1 หลุม ปลูกได้ประมาณ 2-3 ต้น เพื่อไว้สำหรับคัดพันธุ์ ปลุกเสร็จให้กลบดินให้แน่น
6. ถ้าปลุกไม่มาก สามารถรดน้ำได้ก็ดี แต่ถ้าปลูกเยอะต้องปลูกช่วงฤดูฝน
7. ควรเติมปุ๋ยหมักชีวภาพ ต้นละ200 กรัมต่อเดือน จะไม่เกิดไวรัส มะละกอแข็งแรง
8. ถ้าดอกมีลักษณะก้านของกลีบดอกยาวคล้ายดอกมะลิจะให้ผลยาว แต่จะกลีบดอกสั้นให้ตัดต้นทิ้งเสียให้เหลือต้นที่กลีบดอกยาว
9. อายุมะละกอ 3 ปี ควรตัดทิ้งแล้วปลูกใหม่ โดยฉีดพ่นน้ำสกัดชีวภาพให้ทั่วบริเวณก่อนปลูกใหม่ เพื่อป้องกันโรคจากไวรัสและเชื้อรา มะละกอ